OKR (Objectives and Key Results) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตั้งเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าเพื่อช่วยให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ขององค์กร โดยมักจะใช้เพื่อสร้างทิศทางที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ง่าย ในการบริหารงานทั่วไปขององค์กร OKR จะช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในหลายๆ ด้าน เช่น การบริหารงาน การพัฒนาทีม การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่าให้กับองค์กร
โครงสร้างของ OKR
- Objective (เป้าหมาย): เป้าหมายหลักที่ต้องการจะบรรลุ โดยจะต้องมีความท้าทายและเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน
- Key Results (ผลลัพธ์ที่สำคัญ): การวัดผลที่ช่วยในการติดตามความคืบหน้าและประเมินว่าได้บรรลุเป้าหมายหรือไม่
ตัวอย่าง OKR สำหรับการบริหารงานทั่วไป
1 เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานภายในองค์กร
- Key Result 1: ลดเวลาในการดำเนินการทำงานของฝ่ายบัญชีจาก 5 วันเหลือ 3 วัน
- Key Result 2: ปรับปรุงกระบวนการการอนุมัติงบประมาณภายในองค์กรให้เสร็จภายใน 1 วันทำการ
- Key Result 3: เพิ่มอัตราการพึงพอใจของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบริหารจาก 70% เป็น 85%
2 ส่งเสริมการพัฒนาทักษะและความสามารถของทีมงาน
- Key Result 1: จัดการฝึกอบรมพนักงานใน 3 ด้านหลัก (การใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์ใหม่, การพัฒนาทักษะการสื่อสาร, การบริหารเวลา) อย่างน้อย 5 ครั้งภายในไตรมาสนี้
- Key Result 2: เพิ่มคะแนนความพึงพอใจจากการฝึกอบรมของพนักงานจาก 75% เป็น 90%
- Key Result 3: พัฒนาทีมงานให้สามารถทำงานข้ามแผนกได้ 2 โครงการภายในไตรมาสนี้
3 ปรับปรุงกระบวนการสื่อสารภายในองค์กรเพื่อให้การทำงานมีความราบรื่น
- Key Result 1: เปิดใช้ระบบสื่อสารภายในใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง (เช่น Slack, Microsoft Teams) และให้ทุกแผนกใช้ภายใน 1 เดือน
- Key Result 2: ลดจำนวนการประชุมที่ไม่จำเป็นลง 30%
- Key Result 3: เพิ่มการตอบกลับในอีเมลและข้อความภายในองค์กรให้เร็วขึ้นจาก 24 ชั่วโมงเป็น 12 ชั่วโมง
4 ปรับปรุงการบริหารเวลาและการจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพ
- Key Result 1: ใช้เครื่องมือจัดการโครงการ (เช่น Trello, Asana) ให้ครบทุกทีมในองค์กร
- Key Result 2: ลดระยะเวลาการดำเนินโครงการที่ล่าช้าเกินกำหนดจาก 20% เป็น 10%
- Key Result 3: เพิ่มความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของงานให้สูงขึ้น โดยทีมงานสามารถเสร็จงานสำคัญ 80% ภายในเวลาที่กำหนด
การอธิบาย OKR อย่างละเอียด
- Objective: คือ เป้าหมายใหญ่ที่ต้องการบรรลุในแต่ละด้านของการบริหารงานทั่วไป เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ, การพัฒนาทีมงาน หรือการปรับปรุงกระบวนการ
- ตัวอย่าง: “เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานภายในองค์กร” เป้าหมายนี้มีความท้าทายและสามารถวัดผลได้โดยใช้ Key Results ที่เกี่ยวข้องกับการลดเวลาในการทำงานหรือการพัฒนาความพึงพอใจของพนักงาน
- Key Results: คือ ตัวชี้วัดผลสำคัญที่ช่วยให้สามารถติดตามความคืบหน้าและประเมินความสำเร็จได้
- Key Results จะต้องมีความเป็นไปได้ในการวัดผลได้อย่างชัดเจน เช่น การลดเวลา, การเพิ่มคะแนนพึงพอใจ, หรือการลดการประชุมที่ไม่จำเป็น
- ตัวอย่าง: “ลดเวลาในการดำเนินการทำงานของฝ่ายบัญชีจาก 5 วันเหลือ 3 วัน” เป็นการตั้งตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลได้ง่ายและชัดเจน
ประโยชน์ของ OKR ในการบริหารงานทั่วไป
- การมองเห็นภาพรวม: OKR ช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานมีการมองเห็นภาพรวมของเป้าหมายและการดำเนินงาน
- การติดตามและปรับปรุง: การมี Key Results ที่ชัดเจนช่วยในการติดตามความคืบหน้าและสามารถปรับปรุงการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
- การเน้นผลลัพธ์: OKR ช่วยให้ทุกคนในองค์กรมุ่งมั่นไปที่ผลลัพธ์ที่สำคัญและสามารถประเมินได้
- การสร้างความร่วมมือ: OKR สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกต่างๆ โดยการตั้งเป้าหมายที่เป็นภาพรวมและต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
เคล็ดลับในการตั้ง OKR สำหรับการบริหารงานทั่วไป
- ชัดเจนและวัดผลได้ ตั้ง OKR ที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน เช่น การลดค่าใช้จ่ายหรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
- เชื่อมโยงกับเป้าหมายองค์กร ทำให้ OKR ของทีมบริหารงานสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ขององค์กร
- ท้าทายแต่เป็นไปได้ เลือก OKR ที่เป็นความท้าทายแต่สามารถทำได้จริงเพื่อกระตุ้นให้ทีมมุ่งมั่น
- มีการสื่อสารและการติดตามผล สื่อสาร OKR อย่างชัดเจนกับทีมงานและติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะ
- ปรับปรุงตามผลลัพธ์ ทบทวนและปรับปรุง OKR ตามความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเป้าหมายยังคงเกี่ยวข้องและมีความสำคัญ