การใช้ OKR (Objectives and Key Results) ในการพัฒนาทีมและการบริหารงานเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานในองค์กร OKR ช่วยให้ทีมงานและองค์กรมีเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้ และทำให้ทุกคนในทีมมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน โดยการใช้ OKR ในการพัฒนาทีมและการบริหารงานจะทำให้สามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างแม่นยำและสามารถปรับแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
OKR (Objectives and Key Results) คืออะไร?
- Objective (เป้าหมาย) คือสิ่งที่ต้องการบรรลุในช่วงเวลาที่กำหนด โดยควรจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและกระตุ้นให้ทีมทำงาน
- Key Results (ผลลัพธ์หลัก) คือ ตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าได้บรรลุเป้าหมายหรือไม่ โดยจะเป็นตัวเลขหรือการวัดผลที่มีความเฉพาะเจาะจง
OKR มักถูกใช้ในระดับทั้งองค์กร ทีมงาน หรือบุคคล เพื่อช่วยให้ทุกคนรู้ว่าอะไรคือเป้าหมายหลักที่ต้องทำ และวิธีการวัดผลว่าเราไปถึงจุดนั้นแล้วหรือยัง
การใช้ OKR ในการพัฒนาทีมและการบริหารงาน
1. การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่น
- การกำหนด Objective จะช่วยให้ทีมมีเป้าหมายที่ชัดเจน และทุกคนในทีมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในช่วงเวลานั้นๆ โดยที่เป้าหมายควรจะมีความท้าทายและมีแรงบันดาลใจ เพื่อให้ทีมมีพลังในการทำงาน
- ตัวอย่าง:
- Objective: เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัท
- Key Results:
- เพิ่มจำนวนผู้ใช้งานที่สมัครสมาชิกใหม่ 30% ภายใน 3 เดือน
- เพิ่มการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ 50% ภายใน 2 เดือน
- ลดอัตราการยกเลิกการใช้งาน (churn rate) ลง 15% ภายใน 3 เดือน
ในตัวอย่างนี้ เป้าหมายหลักคือการเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ซึ่งการกำหนด Key Results ที่เป็นตัวเลขจะช่วยให้ทีมทราบว่าเราจะวัดผลได้อย่างไรและมีเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้
2. การมุ่งเน้นในสิ่งที่สำคัญที่สุด (Prioritization)
- OKR ช่วยให้ทีมสามารถมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุดและไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น การกำหนด Objective จะช่วยให้ทีมรู้ว่าอะไรคือลำดับความสำคัญที่ต้องทำก่อน ซึ่งการตั้ง Key Results ที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถวัดผลได้ง่าย
- ตัวอย่าง:
- Objective: ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของทีมในโปรเจ็กต์ใหม่
- Key Results:
- ลดเวลาการประชุมรายสัปดาห์ลง 20% โดยการใช้เครื่องมือการจัดการโปรเจ็กต์ที่มีประสิทธิภาพ
- เพิ่มอัตราความสำเร็จของการส่งมอบโปรเจ็กต์ตรงเวลา 90% ขึ้นไป
- เพิ่มการใช้เครื่องมือการทำงานร่วมกัน (เช่น Slack, Asana) ในการติดตามงาน 100%
จากตัวอย่างนี้ ทีมจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพโดยการลดเวลาการประชุมที่ไม่จำเป็นและใช้เครื่องมือในการติดตามงานที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการมุ่งไปที่สิ่งที่สำคัญในการพัฒนาทีม
3. การติดตามและการปรับเป้าหมาย (Tracking and Adjusting OKRs)
- การติดตามผลการทำงานจาก OKR ในระหว่างช่วงเวลา (มักจะเป็นไตรมาสหรือปี) ช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่าเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ และหากจำเป็นสามารถปรับเป้าหมายหรือวิธีการทำงานได้ทันที
- ตัวอย่าง:
- ทีมการตลาดตั้ง Objective ที่จะเพิ่มยอดขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์
- หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนพบว่า Key Results ที่ตั้งไว้ (เช่น เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์) ยังไม่บรรลุผล
- ทีมสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือเพิ่มแคมเปญโฆษณาให้ตรงเป้าหมายมากขึ้น
โดยการใช้ OKR ทีมสามารถทราบได้ทันทีว่าเป้าหมายไหนที่ยังไม่สามารถทำได้และทำการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานได้อย่างทันท่วงที
4. การสร้างความโปร่งใสและการทำงานร่วมกัน (Transparency and Collaboration)
- OKR ช่วยสร้างความโปร่งใสในการทำงานในทีม เมื่อทุกคนสามารถเห็น Objective และ Key Results ของทั้งทีมและของแต่ละบุคคลในองค์กร ทุกคนในทีมจะสามารถเข้าใจว่าเป้าหมายของทีมคืออะไรและจะทำอย่างไรเพื่อให้สำเร็จ
- ตัวอย่าง:
- ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้ง Objective ที่จะลดข้อผิดพลาดในโค้ดลง
- Key Results:
- ลดจำนวน Bug ที่เจอจากการทดสอบลง 50%
- ลดเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา Bug ลง 25%
- เพิ่มความร่วมมือระหว่างทีมพัฒนาและทีม QA 100% ในการตรวจสอบคุณภาพ
ทุกคนในทีมพัฒนาและทีม QA จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุ Key Results นี้ ซึ่งการทำงานร่วมกันและการติดตามผลร่วมกันช่วยให้ทุกคนสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
5. การประเมินผลและการปรับปรุง (Evaluation and Improvement)
- การประเมินผล OKR ช่วยให้ทีมสามารถรู้ว่าบรรลุเป้าหมายหรือไม่ และการประเมินนี้ยังช่วยในการพัฒนาการทำงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเรียนรู้จากสิ่งที่ทำได้ดีและสิ่งที่ยังสามารถปรับปรุงได้
- ตัวอย่าง:
- หากทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ลดจำนวน Bug ที่พบได้ตามเป้าหมาย ทีมสามารถวิเคราะห์ได้ว่าปัญหาคืออะไร เช่น การทดสอบที่ไม่ครอบคลุมหรือการสื่อสารระหว่างทีมไม่ดี จากนั้นจะนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ในการทำงาน
ประโยชน์ของการใช้ OKR ในการพัฒนาทีมและการบริหารงาน
- ความชัดเจนและมุ่งมั่น: การกำหนด OKR ทำให้ทุกคนในทีมมีความเข้าใจตรงกันว่าเป้าหมายคืออะไรและต้องทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุ
- การติดตามผลที่ชัดเจน: Key Results ช่วยให้สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน ว่าทีมได้บรรลุเป้าหมายหรือไม่
- ความโปร่งใสและการทำงานร่วมกัน: ทุกคนสามารถเห็นและเข้าใจเป้าหมายของทีม ซึ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันและลดความซับซ้อน
- การปรับตัวอย่างรวดเร็ว: เมื่อเกิดความล้มเหลวหรือไม่ได้ตามเป้าหมาย ทีมสามารถปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนแผนงานได้ทันที
สรุป
การใช้ OKR ในการพัฒนาทีมและการบริหารงานเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยทีมมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ ด้วยการกำหนด Objective ที่มีความท้าทายและการตั้ง Key Results ที่สามารถวัดผลได้ทีมสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีทิศทางและมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้องกับ OKR เพิ่มเติม
