OKR (Objectives and Key Results) คือ ระบบการตั้งเป้าหมายและผลลัพธ์สำคัญที่ช่วยให้ทีมและองค์กรสามารถกำหนดทิศทางการทำงานและวัดความสำเร็จได้อย่างชัดเจน การใช้ OKR ร่วมกับการทำงานแบบ “ไฮบริด” ซึ่งระบบนี้ถูกใช้โดยบริษัทต่างๆ ที่มีความต้องการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร โดยปกติแล้วจะมี 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่

  1. Objectives (เป้าหมาย) คือ สิ่งที่ต้องการให้สำเร็จในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมักจะมีลักษณะเป็นเชิงบรรยายและต้องการความท้าทาย
  2. Key Results (ผลลัพธ์สำคัญ) คือ วิธีที่ใช้ในการวัดผลว่าคุณได้บรรลุเป้าหมายหรือไม่ โดยมักจะเป็นตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่สามารถตรวจสอบได้

การทำงานแบบ ไฮบริด (Hybrid Work) คือ การทำงานที่ผสมผสานระหว่างการทำงานที่สำนักงานและการทำงานจากระยะไกล (Remote Work) ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยที่บางครั้งพนักงานสามารถเลือกได้ว่าจะทำงานที่บ้านหรือที่สำนักงานตามความสะดวกหรือความต้องการ

การใช้ OKR ในการทำงานแบบไฮบริด

การใช้ OKR ในการทำงานแบบไฮบริดช่วยให้ทีมงานยังคงมีทิศทางและวัดความสำเร็จได้แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานในที่เดียวกันหรือไม่มีการพบหน้ากันบ่อยๆ ซึ่งการใช้ OKR มีข้อดีดังนี้

  1. ความชัดเจนในการตั้งเป้าหมาย
    • ด้วย OKR ทีมงานทุกคนจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเข้าใจในสิ่งที่ต้องทำ โดยไม่ว่าจะทำงานที่ไหน ก็สามารถติดตามผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • เป้าหมายและผลลัพธ์สำคัญจะทำให้ทุกคนในทีมรู้ว่าควรทำอะไรและมุ่งไปที่ไหนในช่วงเวลานั้น ๆ
  2. การสื่อสารและการติดตามผลที่ดี
    • การทำงานแบบไฮบริดอาจทำให้การสื่อสารระหว่างทีมเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่การใช้ OKR จะช่วยให้การสื่อสารระหว่างทีมยังคงมีประสิทธิภาพ เนื่องจากทุกคนจะรู้จักเป้าหมายและผลลัพธ์สำคัญที่ต้องการ
    • การตั้ง OKR จะช่วยให้ทีมสามารถทำการตรวจสอบความคืบหน้าและการอัปเดตผลลัพธ์ได้ทุกสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือออนไลน์
  3. ความยืดหยุ่นในการทำงาน
    • ในการทำงานไฮบริด สมาชิกในทีมอาจทำงานจากที่บ้านหรือที่สำนักงาน แต่การใช้ OKR จะช่วยให้ทุกคนมุ่งมั่นไปที่เป้าหมายที่เหมือนกัน โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่เดียวกัน
    • การทำงานจากที่บ้านทำให้การใช้ OKR เป็นตัวช่วยในการจัดระเบียบและทำให้มั่นใจว่าทุกคนทำงานตรงตามเป้าหมาย
  4. การวัดผลสำเร็จที่ชัดเจน
    • OKR ช่วยให้สามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและมีการกำหนดเวลาในการประเมินผล ทำให้การทำงานแบบไฮบริดที่อาจไม่มีการพบหน้ากันบ่อยๆ ไม่เป็นอุปสรรคในการติดตามและประเมินผล
    • โดยสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Slack, Microsoft Teams, Asana หรือ Jira เพื่อช่วยในการติดตามความคืบหน้าของ OKR
  5. กระตุ้นการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบ
    • การตั้ง OKR จะช่วยให้พนักงานมีการตั้งเป้าหมายส่วนตัวและสามารถรับผิดชอบในเป้าหมายของตัวเองได้ ซึ่งทำให้มีการมีส่วนร่วมสูงในทีม
    • นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกทีม แม้ว่าจะทำงานจากสถานที่ที่แตกต่างกัน

ความท้าทายของการใช้ OKR ในการทำงานแบบไฮบริด

  1. การขาดการสื่อสารแบบตัวต่อตัว
    • เมื่อทำงานจากที่บ้าน บางครั้งการสื่อสารผ่านข้อความหรือการประชุมออนไลน์อาจจะไม่เหมือนการพูดคุยแบบตัวต่อตัวที่สามารถทำให้การสื่อสารเกิดความเข้าใจที่ดีกว่า การตั้ง OKR จึงต้องให้ความสำคัญกับวิธีการสื่อสารให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
  2. การประสานงานที่ต้องการการทำงานร่วมกัน
    • ทีมที่ทำงานในรูปแบบไฮบริดอาจพบว่ามีการประสานงานที่ยากลำบากเมื่อจำเป็นต้องทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์ใหญ่ ซึ่งการตั้ง OKR จะช่วยให้สมาชิกแต่ละคนรู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเองในโปรเจ็กต์
  3. การตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่น
    • การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน เช่น การทำงานจากบ้านอาจส่งผลให้ต้องมีการปรับเป้าหมายตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การตั้ง OKR ที่เหมาะสมกับความยืดหยุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ตัวอย่างของการใช้ OKR (Objectives and Key Results) ในการทำงานแบบไฮบริด ทั้งในระดับของทีมและบุคคล เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

1. ตัวอย่าง OKR สำหรับทีมการตลาดในรูปแบบไฮบริด

Objective เพิ่มการรับรู้และการมีส่วนร่วมของลูกค้าในผลิตภัณฑ์ใหม่

  • Key Results
    1. เพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ขึ้น 30% จากแคมเปญโฆษณาออนไลน์
    2. สร้างการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น 20% (จากยอดไลค์, แชร์, คอมเมนต์)
    3. เพิ่มอัตราการเปิดอีเมลแคมเปญโปรโมชั่นให้ถึง 25%

การใช้ OKR ในงานไฮบริด

  • ทีมการตลาดสามารถแบ่งงานออกเป็นงานย่อยๆ และให้สมาชิกในทีมทำงานจากที่บ้านหรือสำนักงานตามสะดวก
  • ใช้เครื่องมือเช่น Slack หรือ Microsoft Teams เพื่อการประชุมออนไลน์และการติดตามผลการทำงาน
  • การประสานงานผ่านเครื่องมือเช่น Asana หรือ Trello จะช่วยให้ทุกคนรู้ความคืบหน้าของแคมเปญได้อย่างทันท่วงที

2. ตัวอย่าง OKR สำหรับบุคคล (พนักงานในฝ่ายพัฒนาโปรแกรม)

Objective ปรับปรุงประสิทธิภาพการเขียนโค้ดและลดจำนวนข้อผิดพลาดในโปรแกรม

  • Key Results
    1. ลดอัตราการเกิดบั๊กในโค้ดลง 15% ภายในไตรมาสนี้
    2. ทำให้โค้ดใหม่ที่พัฒนามีการทดสอบ unit test ครอบคลุม 90%
    3. ปรับปรุงเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดให้เสร็จภายใน 3 วันจากการแจ้งบั๊ก

การใช้ OKR ในงานไฮบริด

  • นักพัฒนาสามารถทำงานจากบ้านได้ตามสะดวกแต่ยังต้องประสานงานผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อความรวดเร็ว
  • การประชุมสรุปสถานะของโปรเจ็กต์สามารถทำได้ผ่าน Zoom หรือ Microsoft Teams
  • ใช้เครื่องมือการติดตามการพัฒนาโปรเจ็กต์เช่น Jira เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่ถูกพัฒนานั้นมีคุณภาพสูง

3. ตัวอย่าง OKR สำหรับฝ่ายบุคคล (HR)

Objective ปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานในระบบงานไฮบริด

  • Key Results
    1. เพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมในโปรแกรมฝึกอบรมออนไลน์ขึ้น 25%
    2. ลดอัตราการลาออกของพนักงานลง 10% โดยการสร้างแผนสนับสนุนความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
    3. มีการประชุม feedback กับพนักงานทั้งหมดอย่างน้อยเดือนละครั้ง

การใช้ OKR ในงานไฮบริด

  • ทีม HR สามารถทำการฝึกอบรมออนไลน์ผ่าน Zoom หรือ Google Meet
  • ใช้เครื่องมือจัดการการประชุมเช่น Slack หรือ Microsoft Teams เพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพนักงานในสถานการณ์ไฮบริด
  • สามารถทำการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์

4. ตัวอย่าง OKR สำหรับฝ่ายขาย (Sales)

Objective เพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

  • Key Results
    1. เพิ่มยอดขายได้ 20% จากการทำแคมเปญออนไลน์
    2. ติดต่อและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันให้ได้อย่างน้อย 50 คนต่อเดือน
    3. สร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ใหม่กับลูกค้าใหม่ 100 ราย

การใช้ OKR ในงานไฮบริด

  • ทีมขายสามารถทำงานได้จากที่บ้าน โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ในการประชุมกับลูกค้า เช่น Zoom หรือ Google Meet
  • การใช้ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจัดการและติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สร้างแคมเปญออนไลน์ที่สามารถดำเนินการได้จากระยะไกล แต่ยังสามารถประเมินผลได้อย่างมีระเบียบผ่านเครื่องมือออนไลน์

5. ตัวอย่าง OKR สำหรับฝ่ายการเงิน (Finance)

Objective ปรับปรุงกระบวนการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด

  • Key Results
    1. ลดระยะเวลาการปิดบัญชีรายเดือนลง 10%
    2. ลดข้อผิดพลาดในการบันทึกรายการบัญชีลง 20%
    3. ปรับปรุงการรายงานผลการเงินให้เสร็จภายใน 3 วันหลังจากสิ้นเดือน

การใช้ OKR ในงานไฮบริด

  • ทีมการเงินสามารถทำงานจากที่บ้านหรือสำนักงานได้ โดยใช้เครื่องมือการจัดการข้อมูลการเงินออนไลน์ เช่น QuickBooks หรือ Xero
  • การประชุมผ่านออนไลน์เพื่อหารือเรื่องการเงินสามารถทำได้ผ่าน Microsoft Teams หรือ Zoom
  • ติดตามผลการทำงานและวางแผนการทำงานผ่าน Asana หรือ Trello เพื่อให้ทุกคนในทีมสามารถติดตามสถานะได้

สรุป

การใช้ OKR ร่วมกับการทำงานแบบ “ไฮบริด” ทำให้สามารถกำหนดทิศทางการทำงานที่ชัดเจน และช่วยในการวัดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าสภาพการทำงานจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการสื่อสารที่ดีและเครื่องมือที่เหมาะสมในการติดตามผล ทำให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้แม้ว่าจะทำงานในที่ต่างๆ กัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *