OKR (Objectives and Key Results) คือ ระบบการตั้งเป้าหมายและผลลัพธ์สำคัญที่ช่วยให้ทีมและองค์กรสามารถกำหนดทิศทางการทำงานและวัดความสำเร็จได้อย่างชัดเจน การใช้ OKR ร่วมกับการทำงานแบบ “ไฮบริด” ซึ่งระบบนี้ถูกใช้โดยบริษัทต่างๆ ที่มีความต้องการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร โดยปกติแล้วจะมี 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่
- Objectives (เป้าหมาย) คือ สิ่งที่ต้องการให้สำเร็จในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมักจะมีลักษณะเป็นเชิงบรรยายและต้องการความท้าทาย
- Key Results (ผลลัพธ์สำคัญ) คือ วิธีที่ใช้ในการวัดผลว่าคุณได้บรรลุเป้าหมายหรือไม่ โดยมักจะเป็นตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่สามารถตรวจสอบได้
การทำงานแบบ ไฮบริด (Hybrid Work) คือ การทำงานที่ผสมผสานระหว่างการทำงานที่สำนักงานและการทำงานจากระยะไกล (Remote Work) ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยที่บางครั้งพนักงานสามารถเลือกได้ว่าจะทำงานที่บ้านหรือที่สำนักงานตามความสะดวกหรือความต้องการ
การใช้ OKR ในการทำงานแบบไฮบริด
การใช้ OKR ในการทำงานแบบไฮบริดช่วยให้ทีมงานยังคงมีทิศทางและวัดความสำเร็จได้แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานในที่เดียวกันหรือไม่มีการพบหน้ากันบ่อยๆ ซึ่งการใช้ OKR มีข้อดีดังนี้
- ความชัดเจนในการตั้งเป้าหมาย
- ด้วย OKR ทีมงานทุกคนจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเข้าใจในสิ่งที่ต้องทำ โดยไม่ว่าจะทำงานที่ไหน ก็สามารถติดตามผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เป้าหมายและผลลัพธ์สำคัญจะทำให้ทุกคนในทีมรู้ว่าควรทำอะไรและมุ่งไปที่ไหนในช่วงเวลานั้น ๆ
- การสื่อสารและการติดตามผลที่ดี
- การทำงานแบบไฮบริดอาจทำให้การสื่อสารระหว่างทีมเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่การใช้ OKR จะช่วยให้การสื่อสารระหว่างทีมยังคงมีประสิทธิภาพ เนื่องจากทุกคนจะรู้จักเป้าหมายและผลลัพธ์สำคัญที่ต้องการ
- การตั้ง OKR จะช่วยให้ทีมสามารถทำการตรวจสอบความคืบหน้าและการอัปเดตผลลัพธ์ได้ทุกสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือออนไลน์
- ความยืดหยุ่นในการทำงาน
- ในการทำงานไฮบริด สมาชิกในทีมอาจทำงานจากที่บ้านหรือที่สำนักงาน แต่การใช้ OKR จะช่วยให้ทุกคนมุ่งมั่นไปที่เป้าหมายที่เหมือนกัน โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่เดียวกัน
- การทำงานจากที่บ้านทำให้การใช้ OKR เป็นตัวช่วยในการจัดระเบียบและทำให้มั่นใจว่าทุกคนทำงานตรงตามเป้าหมาย
- การวัดผลสำเร็จที่ชัดเจน
- OKR ช่วยให้สามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและมีการกำหนดเวลาในการประเมินผล ทำให้การทำงานแบบไฮบริดที่อาจไม่มีการพบหน้ากันบ่อยๆ ไม่เป็นอุปสรรคในการติดตามและประเมินผล
- โดยสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Slack, Microsoft Teams, Asana หรือ Jira เพื่อช่วยในการติดตามความคืบหน้าของ OKR
- กระตุ้นการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบ
- การตั้ง OKR จะช่วยให้พนักงานมีการตั้งเป้าหมายส่วนตัวและสามารถรับผิดชอบในเป้าหมายของตัวเองได้ ซึ่งทำให้มีการมีส่วนร่วมสูงในทีม
- นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกทีม แม้ว่าจะทำงานจากสถานที่ที่แตกต่างกัน
ความท้าทายของการใช้ OKR ในการทำงานแบบไฮบริด
- การขาดการสื่อสารแบบตัวต่อตัว
- เมื่อทำงานจากที่บ้าน บางครั้งการสื่อสารผ่านข้อความหรือการประชุมออนไลน์อาจจะไม่เหมือนการพูดคุยแบบตัวต่อตัวที่สามารถทำให้การสื่อสารเกิดความเข้าใจที่ดีกว่า การตั้ง OKR จึงต้องให้ความสำคัญกับวิธีการสื่อสารให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
- การประสานงานที่ต้องการการทำงานร่วมกัน
- ทีมที่ทำงานในรูปแบบไฮบริดอาจพบว่ามีการประสานงานที่ยากลำบากเมื่อจำเป็นต้องทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์ใหญ่ ซึ่งการตั้ง OKR จะช่วยให้สมาชิกแต่ละคนรู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเองในโปรเจ็กต์
- การตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่น
- การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน เช่น การทำงานจากบ้านอาจส่งผลให้ต้องมีการปรับเป้าหมายตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การตั้ง OKR ที่เหมาะสมกับความยืดหยุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ตัวอย่างของการใช้ OKR (Objectives and Key Results) ในการทำงานแบบไฮบริด ทั้งในระดับของทีมและบุคคล เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
1. ตัวอย่าง OKR สำหรับทีมการตลาดในรูปแบบไฮบริด
Objective เพิ่มการรับรู้และการมีส่วนร่วมของลูกค้าในผลิตภัณฑ์ใหม่
- Key Results
- เพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ขึ้น 30% จากแคมเปญโฆษณาออนไลน์
- สร้างการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น 20% (จากยอดไลค์, แชร์, คอมเมนต์)
- เพิ่มอัตราการเปิดอีเมลแคมเปญโปรโมชั่นให้ถึง 25%
การใช้ OKR ในงานไฮบริด
- ทีมการตลาดสามารถแบ่งงานออกเป็นงานย่อยๆ และให้สมาชิกในทีมทำงานจากที่บ้านหรือสำนักงานตามสะดวก
- ใช้เครื่องมือเช่น Slack หรือ Microsoft Teams เพื่อการประชุมออนไลน์และการติดตามผลการทำงาน
- การประสานงานผ่านเครื่องมือเช่น Asana หรือ Trello จะช่วยให้ทุกคนรู้ความคืบหน้าของแคมเปญได้อย่างทันท่วงที
2. ตัวอย่าง OKR สำหรับบุคคล (พนักงานในฝ่ายพัฒนาโปรแกรม)
Objective ปรับปรุงประสิทธิภาพการเขียนโค้ดและลดจำนวนข้อผิดพลาดในโปรแกรม
- Key Results
- ลดอัตราการเกิดบั๊กในโค้ดลง 15% ภายในไตรมาสนี้
- ทำให้โค้ดใหม่ที่พัฒนามีการทดสอบ unit test ครอบคลุม 90%
- ปรับปรุงเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดให้เสร็จภายใน 3 วันจากการแจ้งบั๊ก
การใช้ OKR ในงานไฮบริด
- นักพัฒนาสามารถทำงานจากบ้านได้ตามสะดวกแต่ยังต้องประสานงานผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อความรวดเร็ว
- การประชุมสรุปสถานะของโปรเจ็กต์สามารถทำได้ผ่าน Zoom หรือ Microsoft Teams
- ใช้เครื่องมือการติดตามการพัฒนาโปรเจ็กต์เช่น Jira เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่ถูกพัฒนานั้นมีคุณภาพสูง
3. ตัวอย่าง OKR สำหรับฝ่ายบุคคล (HR)
Objective ปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานในระบบงานไฮบริด
- Key Results
- เพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมในโปรแกรมฝึกอบรมออนไลน์ขึ้น 25%
- ลดอัตราการลาออกของพนักงานลง 10% โดยการสร้างแผนสนับสนุนความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
- มีการประชุม feedback กับพนักงานทั้งหมดอย่างน้อยเดือนละครั้ง
การใช้ OKR ในงานไฮบริด
- ทีม HR สามารถทำการฝึกอบรมออนไลน์ผ่าน Zoom หรือ Google Meet
- ใช้เครื่องมือจัดการการประชุมเช่น Slack หรือ Microsoft Teams เพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพนักงานในสถานการณ์ไฮบริด
- สามารถทำการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์
4. ตัวอย่าง OKR สำหรับฝ่ายขาย (Sales)
Objective เพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
- Key Results
- เพิ่มยอดขายได้ 20% จากการทำแคมเปญออนไลน์
- ติดต่อและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันให้ได้อย่างน้อย 50 คนต่อเดือน
- สร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ใหม่กับลูกค้าใหม่ 100 ราย
การใช้ OKR ในงานไฮบริด
- ทีมขายสามารถทำงานได้จากที่บ้าน โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ในการประชุมกับลูกค้า เช่น Zoom หรือ Google Meet
- การใช้ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจัดการและติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างแคมเปญออนไลน์ที่สามารถดำเนินการได้จากระยะไกล แต่ยังสามารถประเมินผลได้อย่างมีระเบียบผ่านเครื่องมือออนไลน์
5. ตัวอย่าง OKR สำหรับฝ่ายการเงิน (Finance)
Objective ปรับปรุงกระบวนการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด
- Key Results
- ลดระยะเวลาการปิดบัญชีรายเดือนลง 10%
- ลดข้อผิดพลาดในการบันทึกรายการบัญชีลง 20%
- ปรับปรุงการรายงานผลการเงินให้เสร็จภายใน 3 วันหลังจากสิ้นเดือน
การใช้ OKR ในงานไฮบริด
- ทีมการเงินสามารถทำงานจากที่บ้านหรือสำนักงานได้ โดยใช้เครื่องมือการจัดการข้อมูลการเงินออนไลน์ เช่น QuickBooks หรือ Xero
- การประชุมผ่านออนไลน์เพื่อหารือเรื่องการเงินสามารถทำได้ผ่าน Microsoft Teams หรือ Zoom
- ติดตามผลการทำงานและวางแผนการทำงานผ่าน Asana หรือ Trello เพื่อให้ทุกคนในทีมสามารถติดตามสถานะได้
สรุป
การใช้ OKR ร่วมกับการทำงานแบบ “ไฮบริด” ทำให้สามารถกำหนดทิศทางการทำงานที่ชัดเจน และช่วยในการวัดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าสภาพการทำงานจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการสื่อสารที่ดีและเครื่องมือที่เหมาะสมในการติดตามผล ทำให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้แม้ว่าจะทำงานในที่ต่างๆ กัน