ตัวอย่าง OKR สำหรับผู้บริหารที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กร การตั้ง OKR (Objectives and Key Results) สำหรับผู้บริหาร (Executives) มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ OKR ที่ดีจะช่วยให้ผู้บริหารมุ่งเน้นไปที่การทำงานที่สำคัญ (Objective) และใช้ Key Results ที่สามารถวัดผลได้เพื่อประเมินความสำเร็จ

ตัวอย่าง OKR สำหรับผู้บริหารที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กร การตั้ง OKR สำหรับผู้บริหารนั้นมักจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดทิศทางกลยุทธ์ใหญ่ (Strategic Goals) การเติบโตทางธุรกิจ และการเสริมสร้างทีมงาน โดยการตั้ง OKR ของผู้บริหารจะมีผลต่อการดำเนินงานของทั้งองค์กร และต้องมีการสื่อสารให้ชัดเจนแก่ทุกระดับในองค์กรเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายเดียวกัน

Objective 1: ขับเคลื่อนการเติบโตทางรายได้ขององค์กรให้เพิ่มขึ้น 30% ในปีนี้

เหตุผล: การเติบโตทางรายได้เป็นเป้าหมายหลักของผู้บริหาร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการขยายตัวของธุรกิจและการเพิ่มทุนสำหรับการลงทุนในโอกาสใหม่ ๆ

Key Results:

  1. Key Result 1.1: เพิ่มรายได้จากลูกค้าใหม่ 20%
    • อธิบาย: การหาลูกค้าใหม่จะช่วยสร้างรายได้ใหม่ให้กับองค์กร
    • การติดตาม: ใช้ข้อมูลจากระบบ CRM เพื่อติดตามลูกค้าใหม่ที่ลงนามในสัญญาหรือซื้อสินค้าภายในไตรมาสนี้
  2. Key Result 1.2: เพิ่มการขายข้ามผลิตภัณฑ์ (Cross-selling) ให้ได้ 15%
    • อธิบาย: การขายผลิตภัณฑ์เสริมหรือการเสนอขายสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมให้กับลูกค้าปัจจุบันจะช่วยเพิ่มมูลค่าของลูกค้าแต่ละราย
    • การติดตาม: ใช้ข้อมูลจากการขายในแต่ละเดือนหรือไตรมาสเพื่อดูว่าลูกค้ารายเดิมซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมหรือไม่
  3. Key Result 1.3: เพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retention) 10%
    • อธิบาย: การรักษาลูกค้าเดิมช่วยลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่และสามารถเพิ่มรายได้จากลูกค้าเดิม
    • การติดตาม: ใช้ข้อมูลจากทีมบริการลูกค้าเพื่อดูอัตราการรักษาลูกค้าในแต่ละปี
  4. Key Result 1.4: ลดอัตราการสูญเสียลูกค้า (Customer Churn) ลง 5%
    • อธิบาย: ลดการสูญเสียลูกค้าเพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตโดยรวมของรายได้
    • การติดตาม: ใช้ระบบ CRM หรือข้อมูลลูกค้าเพื่อวิเคราะห์และระบุปัญหาที่ทำให้ลูกค้าหมดความสัมพันธ์

Objective 2: พัฒนาและเสริมสร้างทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีศักยภาพ

เหตุผล: การมีทีมงานที่มีความสามารถและแรงบันดาลใจเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางที่ต้องการได้

Key Results:

  1. Key Result 2.1: ส่งเสริมการฝึกอบรมพนักงาน 80% ของทีมผู้บริหารในด้านทักษะการเป็นผู้นำ
    • อธิบาย: การฝึกอบรมทักษะการเป็นผู้นำจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถบริหารทีมได้ดียิ่งขึ้น
    • การติดตาม: จัดการฝึกอบรมและตรวจสอบผลการฝึกอบรมจากแบบทดสอบหรือการประเมินจากผู้เข้ารับการฝึกอบรม
  2. Key Result 2.2: ประเมินผลการทำงานของทีมผู้บริหารและพนักงาน 100% โดยใช้การประเมิน 360 องศา
    • อธิบาย: การประเมินผลการทำงานจะช่วยให้รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน และจะช่วยในการพัฒนาในอนาคต
    • การติดตาม: ใช้การประเมิน 360 องศาในแต่ละไตรมาสเพื่อติดตามผลการทำงานของทีม
  3. Key Result 2.3: เพิ่มอัตราความพึงพอใจในการทำงานของพนักงาน (Employee Satisfaction) ขึ้น 15%
    • อธิบาย: การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจและความภักดีของพนักงาน
    • การติดตาม: ใช้แบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Engagement Surveys) เพื่อติดตามความพึงพอใจ
  4. Key Result 2.4: ลดอัตราการลาออกของพนักงานสำคัญ (High-performers) ลง 20%
    • อธิบาย: การรักษาพนักงานที่มีผลงานดีมีความสำคัญในการรักษาความต่อเนื่องและประสิทธิภาพขององค์กร
    • การติดตาม: วิเคราะห์ข้อมูลการลาออกของพนักงานจากแหล่งข้อมูล HR และหาสาเหตุที่ทำให้พนักงานลาออก

Objective 3: ขยายฐานตลาดและการตลาดขององค์กรในระดับสากล

เหตุผล: การขยายตลาดให้กว้างขึ้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่และเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

Key Results:

  1. Key Result 3.1: เปิดตลาดใหม่ใน 2 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย
    • อธิบาย: การขยายตลาดไปยังประเทศใหม่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
    • การติดตาม: ใช้ข้อมูลจากทีมการตลาดและการขายเพื่อติดตามกระบวนการขยายตลาดในแต่ละประเทศ
  2. Key Result 3.2: เพิ่มยอดขายจากตลาดต่างประเทศ 25%
    • อธิบาย: ยอดขายจากตลาดต่างประเทศจะช่วยสร้างรายได้ที่หลากหลายและเสริมสร้างฐานลูกค้า
    • การติดตาม: ใช้เครื่องมือ CRM หรือระบบขายเพื่อดูยอดขายจากลูกค้าต่างประเทศ
  3. Key Result 3.3: เพิ่มการรับรู้แบรนด์ในตลาดต่างประเทศ 50%
    • อธิบาย: การเพิ่มการรับรู้แบรนด์ในตลาดใหม่ ๆ จะช่วยให้ลูกค้ารู้จักและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท
    • การติดตาม: ใช้การสำรวจจากลูกค้าหรือแคมเปญการตลาดเพื่อติดตามการรับรู้แบรนด์

Objective 4: สร้างนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขันในตลาด

เหตุผล: การสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว

Key Results:

  1. Key Result 4.1: เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ชิ้นในปีนี้
    • อธิบาย: การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยให้บริษัทมีข้อเสนอที่น่าสนใจในตลาด
    • การติดตาม: ใช้ข้อมูลจากทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อติดตามการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
  2. Key Result 4.2: เพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ 20%
    • อธิบาย: ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จจะช่วยเพิ่มยอดขายของบริษัท
    • การติดตาม: ใช้เครื่องมือการติดตามยอดขายและการวิเคราะห์ตลาดเพื่อตรวจสอบรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่
  3. Key Result 4.3: ลดต้นทุนการผลิตจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ 10%
    • อธิบาย: การใช้เทคโนโลยีในการผลิตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
    • การติดตาม: ใช้ข้อมูลจากฝ่ายการผลิตและฝ่ายการเงินเพื่อติดตามต้นทุนการผลิต

การติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์:

การติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์ของ OKR (Objectives and Key Results) เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้การตั้ง OKR ขององค์กรหรือทีมสามารถดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง และสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามแผนที่ตั้งไว้ การติดตามผลอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้สามารถตรวจสอบสถานะความคืบหน้าของ OKR ได้ รวมทั้งให้ทีมสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือวิธีการทำงานตามความจำเป็นในระหว่างทาง

1. การติดตามผล OKR

การติดตามผล OKR ไม่ใช่เพียงแค่การตรวจสอบตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่ได้ แต่มันยังเกี่ยวข้องกับการประเมินกลยุทธ์ และการให้คำแนะนำในการปรับปรุงวิธีการทำงาน

การตั้งระยะเวลาการติดตาม (Tracking Frequency)

  • รายสัปดาห์: สำหรับ OKR ที่มีการดำเนินการระยะสั้นหรือเกี่ยวข้องกับการทำงานประจำวันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ยอดขายในแต่ละเดือนหรือการติดตามปัญหาลูกค้า
  • รายเดือน: สำหรับ OKR ที่ต้องใช้เวลาในการเห็นผลเช่นการเติบโตในตลาดใหม่ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
  • รายไตรมาส: เหมาะสำหรับ OKR ที่ต้องใช้เวลาในการประเมินและมองผลในระยะยาว เช่น การขยายธุรกิจหรือการพัฒนาองค์กร

เครื่องมือที่ใช้ในการติดตามผล

เครื่องมือที่ใช้ในการติดตาม OKR จะช่วยให้การประเมินผลเป็นไปอย่างมีระบบและโปร่งใส เช่น:

  • แอปพลิเคชัน OKR: เช่น Weekdone, Perdoo, Gtmhub, 15Five, Asana หรือ Trello สำหรับการติดตามและปรับเปลี่ยน OKR
  • เครื่องมือการจัดการงาน (Task Management Tools): ใช้สำหรับติดตามงานที่เกี่ยวข้องกับแต่ละ Key Result
  • เครื่องมือ CRM: สำหรับติดตามผลลัพธ์ในด้านการขายหรือการติดต่อกับลูกค้า

การประชุมติดตามผล (Check-in Meetings)

การมีการประชุมติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ (Weekly/Monthly Check-ins) จะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีโอกาสอัปเดตความคืบหน้าของ OKR และปรับกลยุทธ์ได้เร็วขึ้น:

  • รายสัปดาห์: ให้แต่ละทีมรายงานความคืบหน้าในแต่ละ Key Result และการปรับกลยุทธ์ที่จำเป็น
  • รายเดือน: ผู้บริหารหรือหัวหน้าทีมควรสรุปภาพรวมของการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ OKR ทั้งองค์กรและทำการวิเคราะห์ผลจาก Key Results ว่าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่

2. การปรับปรุงผลลัพธ์ของ OKR

การปรับปรุงผลลัพธ์ของ OKR เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อพบว่า OKR ที่ตั้งไว้ไม่สามารถบรรลุได้ตามที่คาดหวัง หรือสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ขั้นตอนการปรับปรุง OKR:

  1. ประเมินสถานะปัจจุบัน
    • การวัดผล: ประเมินผลการทำงานและความคืบหน้าของแต่ละ Key Result โดยการใช้ข้อมูลที่มี เช่น ยอดขาย, จำนวนลูกค้าใหม่, ระยะเวลาในการปิดการขาย หรือความพึงพอใจของลูกค้า
    • การหารือกับทีม: พูดคุยกับทีมงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือว่าเกิดอุปสรรคใด ๆ หรือความท้าทายที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุผลได้ตามที่ตั้งไว้
  2. ระบุปัญหาหรืออุปสรรค
    • ปัญหาภายในองค์กร: เช่น ขาดทรัพยากร, ความไม่ชัดเจนในบทบาทหน้าที่, ขาดการฝึกอบรม หรือปัญหาด้านการสื่อสาร
    • ปัญหาภายนอกองค์กร: เช่น ความเปลี่ยนแปลงในตลาด, การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น, หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบ
  3. วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตามเป้าหมาย
    • ประเมินกลยุทธ์: ทำการวิเคราะห์ว่าเหตุใดกลยุทธ์หรือแผนการดำเนินงานที่ใช้ในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จ เช่น หาก Key Result ที่เกี่ยวกับการเพิ่มลูกค้าใหม่ไม่บรรลุเป้าหมาย ควรพิจารณาถึงวิธีการเข้าถึงลูกค้าใหม่ หรือปรับเทคนิคการขาย
    • ตรวจสอบข้อมูล: ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากเครื่องมือที่ใช้งานเพื่อตรวจสอบว่าเหตุใดการดำเนินการไม่เป็นไปตามแผน
  4. การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือวิธีการ
    • ปรับ Key Results หรือ Objective: หากพบว่า Key Results ที่ตั้งไว้ไม่เหมาะสมหรือไม่สามารถบรรลุได้ในช่วงเวลาเดียวกัน อาจจะต้องปรับเป้าหมายหรือเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ เช่น ปรับเป้าหมายที่มองในระยะยาวให้เป็นระยะสั้น เพื่อให้สามารถติดตามและทำได้จริง
    • ใช้การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด: ถ้าพบข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงาน ควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามข้อผิดพลาดนั้น เช่น หากไม่ได้ผลในกลยุทธ์การตลาด ควรลองกลยุทธ์ใหม่ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *