OKR (Objectives and Key Results) และ KPI (Key Performance Indicator) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลการทำงานและการพัฒนาองค์กร แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันในเรื่องของจุดมุ่งหมายและวิธีการใช้งาน ดังนั้นการเลือกใช้ทั้งสองควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายและบริบทขององค์กรหรือทีมในช่วงเวลานั้น ๆ

1. OKR (Objectives and Key Results)

  • คำอธิบาย: OKR คือ ระบบการตั้งเป้าหมายที่ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก:
    • Objective: เป้าหมายที่ต้องการบรรลุ ซึ่งมักจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและมีความทะเยอทะยาน
    • Key Results: ผลลัพธ์ที่สามารถวัดได้ที่บ่งบอกถึงการบรรลุเป้าหมาย โดยมักจะใช้ตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข
  • ลักษณะการใช้งาน:
    • OKR ถูกใช้เพื่อ ตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ และกระตุ้นให้มีการพัฒนาตนเอง
    • OKR มักจะเป็น เป้าหมายที่ท้าทาย และ มีระยะเวลา โดยส่วนใหญ่จะตั้งเป้าหมายสำหรับไตรมาสหรือปี
    • ใช้เพื่อ พัฒนาองค์กรหรือทีม ในการทำงานร่วมกัน เพื่อไปสู่ทิศทางที่ต้องการ
  • ข้อดี:
    • กระตุ้นให้เกิดการคิดในเชิงบวกและสร้างสรรค์
    • ช่วยให้ทีมมีทิศทางที่ชัดเจนในการทำงานร่วมกัน
    • เน้นการพัฒนาในระยะยาวและผลลัพธ์ที่มีความหมาย
  • ตัวอย่าง OKR:
    • Objective: เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในแอปพลิเคชัน
      • Key Results:
        • เพิ่มผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) ขึ้น 20%
        • ลดอัตราการลาออกของผู้ใช้ลง 15%

2. KPI (Key Performance Indicator)

  • คำอธิบาย: KPI คือ ตัวชี้วัดผลการทำงานที่สำคัญ ซึ่งใช้ในการวัดผลลัพธ์ของกระบวนการหรือกิจกรรมที่ต้องการให้สำเร็จ
  • ลักษณะการใช้งาน:
    • KPI มักใช้ในการ วัดผลในระยะสั้น และมีความมุ่งหวังที่จะดูว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้รับการบรรลุหรือไม่
    • ใช้เพื่อ ตรวจสอบประสิทธิภาพ ของการทำงานในด้านต่าง ๆ เช่น การขาย, การบริการลูกค้า, การผลิต ฯลฯ
    • KPI มักจะเป็นตัวชี้วัดที่ เจาะจง และ สามารถวัดได้ง่าย
  • ข้อดี:
    • ช่วยให้การวัดผลมีความชัดเจน
    • ติดตามผลได้รวดเร็วและสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที
  • ตัวอย่าง KPI:
    • เพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 15%
    • ลดเวลาในการตอบสนองลูกค้าให้เหลือ 1 ชั่วโมง

ความแตกต่างระหว่าง OKR และ KPI

ลักษณะOKRKPI
จุดประสงค์ใช้เพื่อกำหนด เป้าหมายใหญ่ และ ท้าทายใช้เพื่อ วัดประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ในแต่ละกิจกรรม
ลักษณะการตั้งเป้าหมายเป้าหมายมักจะ ทะเยอทะยาน และเป็น เป้าหมายระยะยาววัดผลของการทำงานในระดับ ระยะสั้น
การวัดผลใช้ ผลลัพธ์ที่ท้าทาย เป็นตัววัดว่าเป้าหมายบรรลุหรือไม่ใช้ ตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข สำหรับการวัดประสิทธิภาพ
ระยะเวลามักจะใช้ใน ระยะยาว (ไตรมาส, ปี)ใช้ใน ระยะสั้น (วัน, สัปดาห์, เดือน)
ความยืดหยุ่นค่อนข้าง ยืดหยุ่น เพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายค่อนข้าง ตายตัว เพราะตัวชี้วัดถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า
การใช้งานเน้นที่การพัฒนา ภาพรวม และ การทำงานร่วมกันใช้ในการ ติดตามประสิทธิภาพ และ การทำงานที่เป็นรายบุคคล

ควรใช้แบบไหนดี

การเลือกใช้ OKR หรือ KPI ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและเป้าหมายที่ต้องการ

  • OKR เหมาะสำหรับ
    • องค์กรหรือทีมที่ต้องการ กระตุ้นการพัฒนา และการเติบโต
    • ต้องการตั้ง เป้าหมายที่ท้าทาย และ ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่
    • ต้องการ ทำงานร่วมกัน โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจน
  • KPI เหมาะสำหรับ:
    • การวัดผล ประสิทธิภาพการทำงาน ในด้านต่าง ๆ ขององค์กร
    • การติดตาม ผลลัพธ์ที่สามารถวัดได้ง่าย ในระยะสั้น
    • เหมาะสำหรับการ ปรับปรุง กระบวนการทำงานในทันที

บางองค์กรอาจใช้ทั้ง OKR และ KPI ในการบริหารงาน เพราะสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยที่ OKR ช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายใหญ่ ส่วน KPI จะช่วยในการติดตามและวัดผลลัพธ์ที่สามารถปฏิบัติได้ในระดับปฏิบัติการ.

สรุป

  • หากคุณต้องการ พัฒนาทิศทางและมุ่งเน้นที่เป้าหมายที่ท้าทาย ควรใช้ OKR
  • หากคุณต้องการ วัดผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงานจริง ควรใช้ KPI

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *