การเลือกแอป OKR ที่เหมาะสมนั้นสำคัญมาก เพราะมันจะเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนเป้าหมายของทีมให้บรรลุผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น แอป OKR ที่ดีจึงควรมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงานร่วมกันและการติดตามผลงานของทีม
7 ฟีเจอร์สำคัญที่แอป OKR ควรมี
- การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและยืดหยุ่น
- ความสามารถในการสร้าง OKR แอปควรมีฟังก์ชันในการสร้าง Objective (เป้าหมาย) และ Key Results (ผลลัพธ์ที่สำคัญ) ได้อย่างง่ายดาย
- การจัดลำดับความสำคัญ สามารถจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายแต่ละรายการได้ เพื่อให้ทีมมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายหลักก่อน
- การปรับเปลี่ยนได้ เป้าหมายควรสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์
- การติดตามความคืบหน้าแบบเรียลไทม์
- แดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย แสดงความคืบหน้าของเป้าหมายแต่ละรายการได้อย่างชัดเจน
- การอัปเดตสถานะ สมาชิกในทีมสามารถอัปเดตความคืบหน้าของงานได้อย่างง่ายดาย
- การแจ้งเตือน แอปจะแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงเดดไลน์ หรือเมื่อมีการอัปเดตข้อมูลสำคัญ
- การทำงานร่วมกัน
- การแชร์และความคิดเห็น สมาชิกในทีมสามารถแชร์ความคิดเห็นและให้คำแนะนำเกี่ยวกับเป้าหมายได้
- การกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบ ช่วยให้ทุกคนรู้ว่าใครต้องรับผิดชอบอะไร
- การประชุมออนไลน์ สามารถจัดประชุมออนไลน์เพื่ออัปเดตความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาได้
- การรายงานผล
- การสร้างรายงาน สามารถสร้างรายงานเพื่อวิเคราะห์ความคืบหน้าของเป้าหมายได้
- การมองเห็นภาพรวม แสดงผลลัพธ์ในรูปแบบกราฟหรือแผนภูมิ เพื่อให้เห็นภาพรวมของความคืบหน้าได้อย่างชัดเจน
- การส่งออกข้อมูล สามารถส่งออกข้อมูลไปยังโปรแกรมอื่นๆ เพื่อนำไปวิเคราะห์เพิ่มเติมได้
- การเชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่นๆ
- การรวมกับปฏิทิน สามารถเชื่อมต่อกับปฏิทินของทีมเพื่อวางแผนงาน
- การเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นๆ เช่น Google Drive, Slack, หรือโปรแกรมจัดการโครงการอื่นๆ
- ความปลอดภัยของข้อมูล
- การเข้ารหัสข้อมูล ข้อมูลที่สำคัญควรได้รับการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- การสนับสนุนลูกค้า
- การให้บริการลูกค้า มีทีมสนับสนุนลูกค้าคอยช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา
- ฐานความรู้ มีฐานความรู้ให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลได้ด้วยตนเอง